เตือนภัย ใกล้ตัว
เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ขณะขับรถ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงขณะขับรถ
คุณอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนว่า จากการตรวจสอบสถิติอุบัติเหตุทางถนน พบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้อุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ ได้แก่ การโทรศัพท์ขณะขับรถ ขับไปกินไป ดูโทรทัศน์ แต่งหน้า จึงขอเตือนให้เลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าว
การโทรศัพท์ขณะขับรถ เพิ่มความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติ 2-4 เท่า เพราะทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิ ปฏิกิริยาตอบสนองช้าลง การตัดสินใจเหยียบเบรก การบังคับพวงมาลัยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินช้าลงกว่าปกติ 0.5 วินาที และส่งผลต่อการมองเห็นป้ายสัญลักษณ์ ป้ายจราจร ป้ายบอกทาง แม้จะเห็นป้ายแต่จดจำรายละเอียดไม่ได้ หากจำเป็นต้องพูดโทรศัพท์ควรใช้อุปกรณ์เสริม ได้แก่ แฮนด์ฟรี บลูทูธ ถ้าเดินทางตามลำพังและไม่มีอุปกรณ์เสริมควรจอดข้าง ทาง หรือบริเวณที่ปลอดภัยเพื่อรับโทรศัพท์จะปลอดภัยกว่า
ขับไปกินไป จากสภาพการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯ ทำให้คนขับรถหรือผู้โดยสาร รับประทานอาหารบนรถเป็นภาพชินตา การขับไปกินไปเป็นพฤติกรรมเสี่ยง เพราะเหลือมือจับพวงมาลัยเพียงข้างเดียว ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินจะไม่สามารถหักหลบหรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทัน เพราะปฏิกิริยาตอบสนองในการขับขี่ช้าลงกว่าปกติ 2 เท่า หากกินอาหารของทอดจะทำให้มือเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน หากไปจับพวงมาลัยจะทำให้ลื่นกว่าปกติ ส่งผลให้การควบคุมพวงมาลัยลดลง
การดูโทรทัศน์ขณะขับรถ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากความสว่างของจอภาพ เสียง รวมถึงเนื้อหาของภาพที่เคลื่อนไหว ทำให้สมาธิในการควบคุมรถลดลง และความสนใจต่อเหตุการณ์รอบตัวลดลง แม้คนขับจะไม่ได้ดูโทรทัศน์ แต่เสียงที่ได้ยินก็รบกวนสมาธิ และยังกระตุ้นให้ขับเร็วกว่าปกติอีกด้วย
การแต่งหน้าขณะขับรถ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก การแต่งหน้า ทาปากระหว่างรถติดสัญญาณไฟ หรือเคลื่อน ตัวช้าๆ จะทำให้สมาธิของผู้ขับขี่จดจ่ออยู่กับกิจกรรมที่ทำ จนลืมไปว่ากำลังขับรถ
เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือรถคันหน้าเบรกกะทันหันจะทำให้ชนท้ายได้
คุณอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนว่า จากการตรวจสอบสถิติอุบัติเหตุทางถนน พบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้อุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ ได้แก่ การโทรศัพท์ขณะขับรถ ขับไปกินไป ดูโทรทัศน์ แต่งหน้า จึงขอเตือนให้เลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าว
การโทรศัพท์ขณะขับรถ เพิ่มความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติ 2-4 เท่า เพราะทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิ ปฏิกิริยาตอบสนองช้าลง การตัดสินใจเหยียบเบรก การบังคับพวงมาลัยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินช้าลงกว่าปกติ 0.5 วินาที และส่งผลต่อการมองเห็นป้ายสัญลักษณ์ ป้ายจราจร ป้ายบอกทาง แม้จะเห็นป้ายแต่จดจำรายละเอียดไม่ได้ หากจำเป็นต้องพูดโทรศัพท์ควรใช้อุปกรณ์เสริม ได้แก่ แฮนด์ฟรี บลูทูธ ถ้าเดินทางตามลำพังและไม่มีอุปกรณ์เสริมควรจอดข้าง ทาง หรือบริเวณที่ปลอดภัยเพื่อรับโทรศัพท์จะปลอดภัยกว่า
ขับไปกินไป จากสภาพการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯ ทำให้คนขับรถหรือผู้โดยสาร รับประทานอาหารบนรถเป็นภาพชินตา การขับไปกินไปเป็นพฤติกรรมเสี่ยง เพราะเหลือมือจับพวงมาลัยเพียงข้างเดียว ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินจะไม่สามารถหักหลบหรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทัน เพราะปฏิกิริยาตอบสนองในการขับขี่ช้าลงกว่าปกติ 2 เท่า หากกินอาหารของทอดจะทำให้มือเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน หากไปจับพวงมาลัยจะทำให้ลื่นกว่าปกติ ส่งผลให้การควบคุมพวงมาลัยลดลง
การดูโทรทัศน์ขณะขับรถ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากความสว่างของจอภาพ เสียง รวมถึงเนื้อหาของภาพที่เคลื่อนไหว ทำให้สมาธิในการควบคุมรถลดลง และความสนใจต่อเหตุการณ์รอบตัวลดลง แม้คนขับจะไม่ได้ดูโทรทัศน์ แต่เสียงที่ได้ยินก็รบกวนสมาธิ และยังกระตุ้นให้ขับเร็วกว่าปกติอีกด้วย
การแต่งหน้าขณะขับรถ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก การแต่งหน้า ทาปากระหว่างรถติดสัญญาณไฟ หรือเคลื่อน ตัวช้าๆ จะทำให้สมาธิของผู้ขับขี่จดจ่ออยู่กับกิจกรรมที่ทำ จนลืมไปว่ากำลังขับรถ
เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือรถคันหน้าเบรกกะทันหันจะทำให้ชนท้ายได้
ที่มาของข้อมูล http://icare.kapook.com/caution.php?ac=detail&s_id=20&id=802
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น